ในการเลือกตั้งนี้ นายกรัฐมนตรีต้องได้รับเสียงสนับสนุนเกินครึ่งหนึ่งของทั้ง ส.ส. และ ส.ว. เพื่อตั้งรัฐบาล ในรัฐสภามี ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องได้รับเสียงสนับสนุน 376 เสียง
นั่นหมายความว่า แม้จะรวมเสียงได้ 250 เสียง ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ก็ยังไม่สามารถเลือกนายก และตั้งรัฐบาลได้ โดยต้องหาเสียงสนับสนุนอีก 125 เสียง เพื่อให้ถึงครึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งอาจจะมาจาก ส.ส. จากพรรคต่าง ๆ หรือมาจาก ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งก็ได้
ทั้งนี้ในการเลือกตั้งปี 2562 ส.ว. ทุกคนลงเสียงให้ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี เว้นแต่ประธานวุฒิสภาที่งดออกเสียง นี่แสดงให้เห็นถึงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน นั่นคือการสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของฝั่งเผด็จการ
ดังนั้น ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของเผด็จการจึงมีบทบาทสำคัญมากในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะในกรณีที่พรรคใหญ่ของฝั่งประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถรวมเสียงให้ถึง 376 เสียงได้ สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้พรรคเล็กที่ต้องการเป็นเฉพาะรัฐบาลอยากไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเผด็จการมากกว่า เพราะมีเสียงของ ส.ว. รองรับอยู่แล้ว แทนที่จะจับกับพรรคฝั่งประชาธิปไตย